ค. คาเฟ่

ค. คาเฟ่

บทความโดย
นายกมลพงศ์ วิศิษฐวาณิชย์

วันหยุดนี้เราจะออกไปคาเฟ่ร้านไหนกันดี?

เป็นคำถามยอดฮิตที่ทางบ้านชอบถามผมในช่วงสายของวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ซึ่งผมก็มักจะเตรียมทำ Checklist รายชื่อคาเฟ่ยอดนิยม รวมถึงคาเฟ่เปิดใหม่ ทั้งที่ตั้งอยู่ละแวกใกล้บ้านบ้าง (จังหวัดนนทบุรี) และไกลบ้านบ้าง เพื่อเสิร์ฟคำตอบให้ที่บ้านเลือกอย่างฉับไว

ก่อนอื่น ผมขอเกริ่นก่อนว่า ผมไม่ดื่มกาแฟครับ (ได้กลิ่นกาแฟแรงๆ บางทีถึงขั้นเวียนศีรษะได้) “อ้าว ไม่ทานกาแฟ แล้วทำไมถึงชอบไปคาเฟ่ละ?” จึงเป็นอีกคำถามที่หลายท่านอาจสงสัยในตัวผม แต่ต่อจากนี้ไม่ต้องสงสัยแล้วละครับ เพราะสำหรับผม การหาสถานที่ใหม่ๆ เพื่อทานของอร่อยและได้ถ่ายรูปอาหาร รวมถึงการได้เสพบรรยากาศการตกแต่งของแต่ละร้านที่มีสไตล์เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ถือเป็นการชาร์จแบตชีวิตให้กลับมาเต็มอีกครั้งภายหลังจากได้ใช้พลังงานส่วนใหญ่ไปกับการทำงานตลอดสัปดาห์ ทั้งนี้ หลายคนมักเข้าใจผิดว่าคาเฟ่คือร้านกาแฟ ที่ส่วนมากจะขายเฉพาะกาแฟเท่านั้น แต่ความเป็นจริงไม่ใช่เลยครับ เพราะคาเฟ่เกือบทุกร้านจำหน่ายเครื่องดื่มที่ไม่ใช่กาแฟอีกหลากหลายเมนู อาทิ ชามะนาว ชาเขียวมัตฉะ โกโก้ อิตาเลี่ยนโซดาและน้ำผลไม้ปั่น ไว้รองรับกลุ่มลูกค้าที่ไม่นิยมดื่มกาแฟ นอกจากนี้ ยังมีคาเฟ่อีกจำนวนไม่น้อยที่จำหน่ายอาหารว่าง ไม่ว่าจะเป็นแซนวิช เค้ก ครัวซองด์ รวมถึงอาหารคาวจานหลักชนิดทานแล้วอิ่มท้องหรือสามารถทานเป็นมื้อหลักได้เลย

“แชะ ชิม แชร์” คือคอนเซ็ปหลักที่มักจะแวะเวียนเข้ามาในความคิดของผมทุกครั้งที่ไปคาเฟ่ ประกอบด้วย 3 ขั้นตอน เริ่มด้วย “แชะ” เสมือนเสียงกดถ่ายรูปอาหาร เครื่องดื่ม บรรยากาศร้าน และที่สำคัญก็คือรูปของตัวผมเองขณะที่กำลังเพลิดเพลินอยู่ในร้าน ต่อด้วย “ชิม” ให้ต่อมรับรสพินิจพิเคราะห์รสชาติของเครื่องดื่มและอาหาร ท้ายสุดก็คือ “แชร์ (Share)” มาทั้งที ก็ต้องยั่วเย้าอวดเพื่อนพ้องน้องพี่กันหน่อยด้วยการโพสต์รูปสวย พร้อมคำบรรยายหรือ Caption เก๋ๆ ลงสื่อ Social ต่างๆ เช่น Facebook และ Instagram เป็นต้น

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ มีร้านคาเฟ่น้อยใหญ่เกิดขึ้นมากมายราวกับดอกเห็ด ซึ่งแต่ละร้านก็จะมีเอกลักษณ์และจุดขายที่โดดเด่นต่างๆ นานา เพื่อตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภคที่มีไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันออกไป ยกตัวอย่างเช่น คาเฟ่สไตล์ใกล้ชิดธรรมชาติมักจะตอบโจทย์ลูกค้าที่นิยมชมความเขียวขจีของทุ่งนาและขุนเขาคาเฟ่สไตล์วินเทจดึงดูดคอกาแฟผู้โปรดปรานการจิบกาแฟเคล้ากลิ่นไอของความย้อนยุค คาเฟ่สไตล์ Loft เป็นที่นิยมของเหล่าคาเฟ่ฮอปเปอร์ (Café Hopper) ที่แต่งตัวชิคๆ คูลๆ ยืนถ่ายรูปคู่กับผนังปูนเปลือยของร้าน และคาเฟ่สไตล์ Minimal เน้นความเรียบง่ายแต่มีเสน่ห์ เหมาะกับผู้ที่ต้องการความเงียบสงบ ปราศจากความพลุกพล่าน เป็นต้น

หลายท่านคงเคยรู้สึกเฟล (Fail) กับการไปคาเฟ่ บ้างก็เพราะรสชาติของอาหารที่ไม่ถูกปาก บ้างก็เพราะการบริการที่ไม่ถูกใจ บ้างก็บ่นไม่มีที่จอดรถ บ้างก็ว่ามีที่นั่งน้อยเกินไป บลา บลา บลา สำหรับผม ผมคิดว่าสาเหตุที่ทำให้ Fail มากที่สุดก็คือ ปัญหารูปไม่ตรงปก (รูปรีวิวโปรโมทร้านสวยงาม แต่พอไปถึงสถานที่จริงกลับไม่ว้าวเหมือนในรูป) ว่าแต่ แล้วเราจะมีวิธีการเลือกร้านอย่างไรดีละเพื่อไม่ให้เกิดปัญหารูปไม่ตรงปก? ติ๊กต๊อก ติ๊กต๊อก….ไม่มีคำตอบสูตรสำเร็จสำหรับคำถามนี้ครับ โดยส่วนตัว ผมจะเริ่มจากการคิดให้ได้ก่อนว่าวันนี้อยากไปจะคาเฟ่แถวไหน แล้วผมก็จะค้นหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตดูว่าละแวกนั้นมีร้านคาเฟ่อะไรที่น่าสนใจบ้าง จากนั้น เลือกมาสัก 3 – 4 ร้านที่ตอบโจทย์ตรงตามไลฟ์สไตล์ของตัวเอง แล้วเข้าไปอ่านรีวิวของแต่ละร้านที่เลือกมา โดยอาจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากเพื่อนที่เคยไป และท้ายสุด ก็ได้เวลาประมวลผลผสมความรู้สึกของตัวเองในการตัดสินใจเลือกร้าน ส่วนผลลัพธ์จะออกมาเป็นที่น่าพอใจหรือไม่ ก็ปล่อยไปตามสภาพความเป็นจริง อย่าคาดหวังจนเกินไปจะเป็นการดีที่สุดครับ

ร้านไหนคือคาเฟ่ที่ประทับใจมากที่สุด? บอกได้เลยว่ามีหลายร้านหลายสไตล์ครับ แต่ถ้าให้เลือกได้เพียง 5 อันดับที่แชะ ชิม แชร์ ได้ฟินที่สุดในปี 2562 สำหรับผม ยกให้ 5 ร้านนี้ครับ

1. Pata Plantation
เริ่มต้นร้านแรกกับคาเฟ่บรรยากาศร่มรื่นย่านปากเกร็ด ภายนอกร้านจัดแต่งเป็นสวนสวยให้ความรู้สึกเหมือนเป็นสวนหลังบ้าน ส่วนภายในร้านแบ่งออกเป็น 2 โซน ได้แก่ โซนห้องโถงขนาดใหญ่จัดแต่งคล้ายเรือนเพาะชำต้นไม้ ที่โดดเด่นด้วย Long Table อยู่กลางโถง สามารถรองรับลูกค้ากลุ่มใหญ่ได้ประมาณ 20 คน และโซนห้อง Earth Tone สีอบอุ่น พร้อมช่องหน้าต่างบานใหญ่ที่สามารถมองเห็นสวนด้านนอกได้ โดยกลุ่มลูกค้าของที่นี่ส่วนมากจะเป็นแนวครอบครัว พ่อ แม่ ลูก และแก๊งเพื่อนสนิท ที่มาพบปะสังสรรค์ทานอาหารเพลินๆ ในช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ สำหรับจุดเด่นของร้านนี้ที่ทำให้ผมประทับใจก็คือ ความร่มรื่นและการตกแต่งแนวธรรมชาติ รสชาติของอาหารแนวยุโรปฟิวชั่นที่กลมกล่อมละมุนลิ้น แถมมี All-day Breakfast แสนอร่อย โดยเฉพาะเมนู Egg Block (ขนมปังหวานหน้าไข่ออนเซนเสิร์ฟพร้อมไส้กรอกและมะเขือเทศอบชีส) นอกจากนี้ ยังเป็นคาเฟ่ที่สามารถทานคาวและหวานจบครบในร้านเดียว โดยเมนูของหวานที่ทางร้านจำหน่าย มีทั้งไอศกรีม ขนมปังปิ้งหรือโทสต์ (Toast) และเค้กนานาชนิด ซึ่งบอกได้เลยว่า น่ารับประทานทุกเมนูจริงๆ ครับ

2. Drop by Dough
พิกัดความอร่อยอยู่ใกล้ BTS สถานีอุดมสุข ตัวร้านตกแต่งสไตล์สแกนดิเนเวียคุมโทนสีน้ำเงิน ครีม น้ำตาล ให้ความรู้สึกเรียบง่าย แฝงไปด้วยความอบอุ่น และความสบายตาด้วยเพดานสูงโปร่ง เหมาะสำหรับ Café Hopper สาย Minimal ผู้นิยมความเป็นส่วนตัว และหากพูดถึงเมนูหลักที่เย้ายวนให้ลูกค้าแวะเวียนมาที่นี่ก็คงเป็นเมนูใดไปไม่ได้นอกจากโดนัทสูตร Homemade เนื้อเนียนนุ่ม หลายรสชาติ อาทิ Raspberry Rose Kyoto Hojicha และ Classic Vanilla ซึ่งผมได้เลือกชิม Raspberry Rose โดนัทสอดไส้แยมราสเบอร์รี่ ปรุงผสมกุหลาบให้เข้ากับวานิลลาคัสตาร์ด โรยหน้าด้วยสตรอเบอร์รี่ บอกได้คำเดียวว่า ฟินมากเลยครับ ถือเป็นร้านที่อยากแนะนำให้คนรักโดนัทแวะมาชิมให้ได้ และในส่วนของเครื่องดื่มนั้น สำหรับผู้ที่ไม่ดื่มกาแฟ (อย่างผม) ได้เลือกดื่ม Homemade Lemonade เพื่อเพิ่มอรรถรสในการทานโดนัทให้อร่อยยิ่งขึ้นครับ

3 ธรรมดา
คาเฟ่สไตล์ Minimal ขนาดกะทัดรัดย่านอารีย์ ที่มีความไม่ธรรมดาเหมือนชื่อร้าน วาร์ปแรกที่เปิดประตูเข้าไป ผมสัมผัสได้ถึงบรรยากาศของความอบอุ่นและความเป็นกันเองของเจ้าของร้านที่พร้อมเสิร์ฟรอยยิ้มกล่าวทักทายต้อนรับลูกค้าทุกคน ภายในร้านถูกตกแต่งด้วยชั้นวางหนังสือ ชั้นวางของสะสมต่างๆ ได้อย่างลงตัว ส่วนด้านนอกได้จัดโต๊ะทำเป็นมุมนั่งพักผ่อนชิลๆ ใต้ร่มไม้น้อยใหญ่ เหมาะกับการหยิบหนังสือเล่มโปรดขึ้นมาอ่านเสียจริง เมนูประจำที่ผมต้องสั่งทุกครั้งเวลามาร้านนี้ก็คือ “น้ำธรรมดา” ซึ่งมีส่วนผสมของส้มจี๊ด มะนาว โซดา และไซรับ ให้รสชาติเปรี้ยวซ่าช่วยเพิ่มความสดชื่น นอกจากนี้ Homemade Dessert สูตรเฉพาะของทางร้าน โดยเฉพาะเค้กและทาร์ตหลากรส ก็เป็นอีกเมนูที่ผมชอบลิ้มลองและมีความสุขทุกครั้งที่ได้ทานโดยทางร้านจะเปลี่ยนเมนูของหวานไปเรื่อยๆ ไม่ซ้ำกันในแต่ละวัน และหากต้องการทานอาหารที่หนักท้องขึ้นมาหน่อย ทางร้านก็มีเมนูข้าวไว้พร้อมเสิร์ฟ อาทิ ข้าวซี่โครงหมูอบสูตรโบราณราดซอสเกรวี่ ข้าวหน้าไก่ ข้าวหน้าเนื้อ เรียกได้ว่าเป็นอีกร้านที่ผมสามารถนั่งยาวๆ ทานอาหารคาวและหวานจบครบในร้านเดียว

4. The Village Farm to cafe
คาเฟ่ในเครือของร้านอาหารคีรีมันตรา อยู่ห่างจากตัวเมืองกาญจนบุรีประมาณ 8 กิโลเมตร โดยตัวร้านเป็นอาคารโรงนาเรือนกระจกติดกัน 4 หลัง ภายในตกแต่งสไตล์ Modern Loft ใช้วัสดุไม้และกระจกใส ทำให้ดูสูงโปร่ง สบายตา สามารถรองรับลูกค้าได้เป็นจำนวนมาก เนื่องจากมีที่นั่งทั้งโซน indoor มีเก้าอี้ให้เลือกนั่งได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะเก้าอี้ โต๊ะโซฟา โต๊ะเก้าอี้สูง ประดับตกแต่งอาคารด้วยดอกไม้แห้ง ต้นกระบองเพชร รวมถึงเครื่องมือเครื่องใช้ที่สื่อถึงความเป็นโรงนา และโซน outdoor นั่งชมวิวทิวทัศน์รับลมธรรมชาติ สำหรับเมนูของทางร้านมีให้บริการทั้งคาวหวาน อาหารไทย อาหารยุโรปฟิวชั่น ซึ่งวันที่ผมไปนั้น เป็นช่วงเวลาบ่ายแก่ๆ แล้ว เลยขอเลือกทานเป็นเมนูของหวานขึ้นชื่ออย่าง “เต่าปังลุยสวน” ขนมปังรูปเต่าหนานุ่มสอดไส้ครีมเมล่อน กระดองเต่าทำจากคุกกี้รสช็อคโกแลต เสิร์ฟพร้อมไอศกรีมเมล่อน และเนื้อเมล่อนสดหั่นพอดีคำ เมื่อผมได้ชิมคำแรกถึงกับร้องว้าว อร่อยฟินละมุนลิ้นสมกับที่เป็นเมนู Signature ที่แท้ทรู หลังจากที่อิ่มท้องแล้ว ผมต้องร้องว้าวอีกครั้งเมื่อเดินออกมาบริเวณด้านหลังร้าน เบื้องหน้าที่ผมเห็นคือลานสนามหญ้ากว้างใหญ่ โอบล้อมด้วยภูเขาสูง มีสระน้ำขุดและที่นั่งพักผ่อนริมน้ำ ส่วนด้านข้างมีอุโมงค์ต้นไผ่ทอดยาวคู่ขนานไปกับแนวของสนามหญ้า ผมมั่นใจได้เลยว่า ลูกค้าที่มาร้านนี้จะต้องได้รูปสวยๆ ไว้ check-in ลง social network มากกว่า 10 รูปอย่างแน่นอน

5. Pino Latte Resort & Cafe
ปิด List คาเฟ่สุดท้าย ขอเขยิบออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ที่เขาค้อ สวิตเซอร์แลนด์เมืองไทยกันซะหน่อย ร้านนี้เปิดให้บริการทั้งคาเฟ่และมีที่พักสำหรับผู้หลงใหลมนต์เสน่ห์ของทะเลหมอกยามเช้า ในส่วนของคาเฟ่ได้ถูกสร้างขึ้นบนพื้นที่เชิงเขาสูง ตกแต่งเป็นสไตล์ Modern รูปร่างคล้ายตู้คอนเทนเนอร์ 2 ชั้น มีทั้งโซน indoor และ outdoor แถมมีมุมเก๋ๆ ให้ถ่ายรูปเยอะมาก ร้านนี้ร้านเดียว ผมกดแชะเกิน 100 รูป โดยจุดเด่นของร้านที่ทำให้ผมประทับใจตั้งแต่แรกเห็นก็คือ พาโนรามาวิวเขาค้อ 180 องศา สามารถมองเห็นวัดผาซ่อนแก้วได้ในระยะไกล สำหรับผม แค่นั่งดูวิว ก็ฟินจนลืมคนข้างๆ ได้เลย และนอกจากเรื่องของวิวที่กินขาดแล้ว รสชาติของเค้กที่นี่ก็ไม่เป็นสองรองใครเหมือนกัน ซึ่งผมได้เลือกชิมเค้กชาเขียว และเค้กช็อคโกแลตอัลมอนด์ โดยแว้บแรกที่เห็น ในใจแอบนึกเบาๆ ว่า รสชาติน่าจะธรรมดาทั่วไป ร้านนี้คงขายแค่วิวอย่างเดียว แต่ผมต้องขอถอนคำพูดทันทีที่เค้กคำแรกได้สัมผัสกับต่อมรับรสของผม เพราะเนื้อเค้กเนียนนุ่มแถมรสชาติจัดอยู่ในเกรดพรีเมี่ยมสมกับราคาเลยทีเดียว เอาเป็นว่า สำหรับใครที่ชอบกินเค้กอร่อยๆแกล้มบรรยากาศขุนเขา ร้านนี้ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ไม่ควรพลาดเลยครับ

มาถึงตอนนี้ ผมเชื่อว่า หลายคนเริ่มรู้สึกอยากลองสวมบทบาทเป็น Café Hopper ออกไปนั่งชิวจิบกาแฟที่คาเฟ่สักร้านแล้วใช่ไหมละครับ? สำหรับ Café Hopper มือใหม่ที่ยังนึกไม่ออกว่าจะเริ่มจากร้านไหนดี ผมขอแนะนำให้เริ่มจากร้านที่อยู่ใกล้บ้าน หรือใกล้ที่ทำงานก่อน (หรืออาจลองตามรอยร้านโปรดของผมก็ได้นะครับ) จากนั้นก็ค่อยๆ เขยิบออกไปหาร้านโซนอื่น และพยายามลองเปลี่ยนสไตล์คาเฟ่ที่ไป เพื่อค้นหาสไตล์ที่ใช่สำหรับคุณ และหากกลัวว่าไปคนเดียวแล้วจะเหงา ไม่มีใครถ่ายรูปให้ ก็ลองชักชวนคนใกล้ชิดญาติสนิทมิตรสหายเข้าร่วมขบวนการสำรวจคาเฟ่ รับรองว่าจะทำให้การไปคาเฟ่ในแต่ละครั้งมีสีสันมากกว่าเดิม ท้ายนี้ ก่อนที่ผมจะปิดจ๊อบเขียนคอลัมน์ แล้วออกไป check-in คาเฟ่ร้านใหม่ ผมขอให้ ค. คาเฟ่ทุกท่านมีความสุขกับการชาร์จแบตชีวิต ณ คาเฟ่ที่ใช่ในสไตล์ที่ชอบครับ 🙂

กมลพงศ์ วิศิษฐวาณิชย์

นายกมลพงศ์ วิศิษฐวาณิชย์
เศรษฐกรชำนาญการ
สำนักนโยบายระบบการคุ้มครองผลประโยชน์ทางการเงิน
สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
ผู้เขียน