การจำลองสถานการณ์ผู้ติดเชื้อ COVID-19 ด้วยแบบจำลอง SIR และการประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจด้วยแบบจำลอง ABM

การจำลองสถานการณ์ผู้ติดเชื้อ COVID-19 ด้วยแบบจำลอง SIR และการประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจด้วยแบบจำลอง ABM

บทความโดย [1]
ดร.นรพัชร์ อัศววัลลภ
ดร.กวิน เอี่ยมตระกูล
นางสาวกุสุมา จารุมณี


[1] ข้อคิดเห็นที่ปรากฏในบทความนี้เป็นความเห็นของผู้เขียน ซึ่งไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกับความเห็นของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง

1. บทนำ

ปัจจุบันเศรษฐกิจของประเทศต่าง ๆ กำลังเผชิญกับความท้าทายที่ไม่เคยประสบมาก่อนจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 ที่ส่งผลกระทบในวงกว้าง ทั้งด้านอุปสงค์ อุปทาน และตลาดแรงงาน ภาคธุรกิจมีการชะลอการผลิตและลดชั่วโมงการจ้างงานลง ทำให้รายได้และกำลังซื้อของแรงงานลดลง อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อเนื่องไปสู่เสถียรภาพในตลาดเงินและตลาดทุนอีกด้วย ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 นี้ จำเป็นที่จะต้องมีเครื่องมือในการวิเคราะห์ผลกระทบทางเศรษฐกิจที่หลากหลายและเหมาะสมกับโจทย์ที่มีความซับซ้อนดังเช่นในปัจจุบัน แต่แบบจำลองเศรษฐกิจมหภาคแบบดั้งเดิมซึ่งวิเคราะห์ผลกระทบในภาพรวม (Macroeconomic Level) มีข้อจำกัดที่ไม่สามารถวิเคราะห์ความสัมพันธ์และพฤติกรรมของบุคคล (Individual) หรือกลุ่มบุคคล (Group) ที่มีความสัมพันธ์กันในระดับจุลภาค (Microeconomic Level) ได้ ประกอบกับการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่สถานการณ์มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การวิเคราะห์ผลกระทบทางเศรษฐกิจในเชิงองค์รวมตามปกติ อาจไม่สามารถนำไปใช้กำหนดนโยบายช่วยเหลือกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุด (Targeted Policy) เพียงพอ

จากข้อจำกัดของแบบจำลองเศรษฐกิจมหภาคดังกล่าว คณะผู้เขียนจึงได้เสนอพัฒนาแบบจำลองบนพื้นฐานพฤติกรรมผู้กระทำ (Agent-Based Modeling : ABM) ซึ่งเป็นแบบจำลองที่ใช้ในการวิเคราะห์ระบบซับซ้อน (Complex System) ที่เกิดจากการปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้กระทำ (Agent) ในระบบเศรษฐกิจ โดยจำลองสถานการณ์เชิงจุลภาค (Micro Simulation Modelling) มาวิเคราะห์ผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมของการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่มีต่อประชาชน ณ ระดับรายได้ต่าง ๆ  ครัวเรือน ภาคธุรกิจ และรัฐบาล ซึ่งแบบจำลองสถานการณ์ดังกล่าว จะเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้วิเคราะห์และกำหนดกลุ่มเป้าหมายในการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ได้อย่างตรงจุดมากยิ่งขึ้น

2.กรอบแนวคิดของแบบจำลอง

การเลือกใช้แบบจำลองที่พัฒนาขึ้นจากพื้นฐานพฤติกรรมของผู้กระทำ (Agent-Based Modeling : ABM) เนื่องจากเป็นแบบจำลองที่ช่วยลดข้อจำกัดของแบบจำลองดั้งเดิมไม่ว่าจะเป็นแบบจำลองเศรษฐกิจมหภาคหรือแบบจำลอง Dynamic Stochastic General Equilibrium (DSGE) ที่ไม่สามารถวิเคราะห์ปฏิสัมพันธ์ของแต่ละผู้กระทำในระบบเศรษฐกิจได้

ดังนั้น ในการออกแบบแบบจำลอง ABM ในครั้งนี้จึงคำนึงถึงปฏิสัมพันธ์ของแต่ละหน่วยเศรษฐกิจและสังคมในลักษณะ Social Simulation Modelling ซึ่งสามารถแบ่งได้หลายระดับ เช่น ประชาชน ภาคธุรกิจ ภาครัฐ และภาคต่างประเทศ และนำมาสู่การคำนวณผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น

โดยทั่วไป แบบจำลอง ABM ประกอบไปด้วย 3 องค์ประกอบพื้นฐาน คือ 1) ผู้กระทำ (Agents) คือ หน่วยย่อยที่สุดของการวิเคราะห์ ซึ่งสามารถเป็นปัจเจกบุคคลที่หรือองค์กร 2) สิ่งแวดล้อมหรือสถานะของผู้กระทำ (Attribute) คือ บริบทเชิงพื้นที่ของผู้กระทำ ซึ่งอาจเป็นสิ่งแวดล้อมสมมติหรือสิ่งแวดล้อมเสมือนจริง หรือสถานะของผู้กระทำ และ 3) ความสัมพันธ์ของผู้กระทำ (Actions) คือ ตัวกำหนดกลไกของการปฏิสัมพันธ์กันระหว่างผู้กระทำ

สำหรับงานศึกษาชิ้นนี้ คณะผู้เขียนได้ตั้งโจทย์การจำลองสถานการณ์ (Simulation) ของการวิเคราะห์เพื่อต้องการหาคำตอบของผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมของการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 ที่มีต่อประชาชน ณ ระดับรายได้ต่าง ๆ ครัวเรือน ภาคธุรกิจ และรัฐบาล ที่ได้ปรับปรุงจากจากศึกษาของ Silva และคณะ (2020)[2] โดยพิจารณาจากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดที่รัฐบาลได้ดำเนินการทั้ง 7 กรณี ได้แก่

1) รัฐบาลไม่ดำเนินมาตรการเพื่อควบคุมการระบาด (Do Nothing)
2) มาตรการควบคุมการเดินทางเคร่งครัด (Full Lockdown)
3) มาตรการควบคุมการเดินทางบางส่วนอย่างมีเงื่อนไข (Conditional Lockdown) โดยดำเนินการควบคุมการเคลื่อนไหวของประชาชนเมื่อประชาชนร้อยละ 10 เป็นผู้ติดเชื้อ และผ่อนคลายมาตรการเมื่อประชาชนมากกว่าร้อยละ 95 ปลอดภัย
4) มาตรการแยกกักตัวอยู่ที่บ้านหรือชุมชน (Vertical Isolation) ของผู้ป่วยและกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็กที่อายุต่ำกว่า 18 ปี และผู้ที่มีอายุมากกว่า 65 ปี รวมถึงกลุ่มผู้ที่หายป่วยแล้ว (Pre-existent Diseases)
5) มาตรการแยกกักตัวบางส่วน (Partial Isolation) โดยให้ประชาชนร้อยละ 50 กักตัวอยู่บ้าน
6) มาตรการให้ประชนชนสวมหน้ากากทุกคน แต่ไม่มีการกำจัดการเคลื่อนไหวของประชาชน (Use of Face Masks) โดยในกรณีนี้ค่าเฉลี่ยของอัตราส่วนการติดเชื้อในขั้นต้น (Basic Reproduction Ratio) จะปรับลดลงจาก 1.2 เหลือ 0.6 จากกรณีฐาน
7) มาตรการให้ประชนชนสวมหน้ากากทุกคนและให้ประชาชนร้อยละ 50 แยกกักตัวอยู่บ้าน (Use of Face Masks and 50% Isolation) โดยในกรณีนี้ค่าเฉลี่ยของอัตราส่วนการติดเชื้อในขั้นต้น (Basic Reproduction Ratio) จะปรับลดลงจาก 1.2 เหลือ 0.6 จากกรณีฐาน และกำหนดให้ให้ประชาชนร้อยละ 50 กักตัวอยู่บ้าน ทั้งนี้ คณะผู้เขียนจะขอเริ่มอธิบายแนวคิดและกลไกของแบบจำลอง ABM ดังนี้


[2] Silva, P. C., Batista, P. V., Lima, H. S., Alves, M. A., Guimarães, F. G., & Silva, R. C. (2020). COVID-ABS: An agent-based model of COVID-19 epidemic to simulate health and economic effects of social distancing interventions. Chaos, Solitons & Fractals139, 110088.

2.1 แบบจำลองการระบาดของโรค

แบบจำลองทางคณิตศาสตร์ที่นิยมนำมาใช้ในการอธิบายการเปลี่ยนแปลงของจำนวนผู้ที่เกี่ยวข้องกับการระบาดของโรค คือ แบบจำลอง SIR (Susceptible, Infectious, Recovered)ซึ่งแนวคิดตามแบบจำลองนี้เริ่มจากการแบ่งกลุ่มประชากร (Compartment Model) แล้วอธิบายการเปลี่ยนแปลงของประชากรในกลุ่มนั้น ๆ ด้วยสมการเชิงอนุพันธ์ (Differential Equations) โดยแบบจำลอง SIR นี้จะมีการแบ่งกลุ่มผู้เกี่ยวข้องเป็น 3 กลุ่ม คือ 1) กลุ่มผู้ที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ (Susceptible : S)2) กลุ่มผู้ที่ติดเชื้อ (Infectious : I) ซึ่งแบ่งเป็น ผู้ที่ติดเชื้อแต่ไม่แสดงอาการ (Asymptomatic) ผู้ติดเชื้อที่ต้องรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล (Hospitalization) และ ผู้ติดเชื้อที่มีอาการรุนแรง (Severe) และ3) กลุ่มผู้ที่หายจากการติดเชื้อ (Recovered : R) ซึ่งกลุ่มสุดท้ายนี้จะเป็นการรวมกลุ่มของผู้ที่รักษาหายและผู้ที่เสียชีวิตจากโรคด้วย ทั้งนี้ อธิบายการแบ่งกลุ่มของประชากรตามแบบจำลอง SIR ได้ดังรูปที่ 1 นี้

รูปที่ 1 กลุ่มผู้ที่เกี่ยวกับการแพร่กระจายของโรคระบาด (Compartment)
ที่มา: Silva และคณะ (2020)

สมมติฐานเบื้องต้นของแบบจำลอง SIR คือ เมื่อเกิดโรคระบาดแล้ว การระบาดจะทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นและทำให้ผู้ที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อลดจำนวนลง (เพราะว่าผู้ที่เสี่ยงกลายเป็นผู้ติดเชื้อไปแล้ว) ซึ่งอัตราการลดจำนวนผู้ที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ (Susceptible) จะแปรผันตรงกับจำนวนผู้ติดเชื้อ (Infectious) ณ ขณะนั้น เมื่อจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นก็จะมีผู้ติดเชื้อบางส่วนได้รับการรักษาให้หายหรือเสียชีวิตลงไป โดยอัตราการเพิ่มของจำนวนผู้ที่หายจากการติดเชื้อ (Recovered) จะแปรผันตรงกับจำนวนผู้ติดเชื้อ (Infectious)  ณ ขณะนั้น และผู้ที่รักษาหายแล้วจะไม่กลับมาเป็นโรคเดิมอีก เพราะมีภูมิคุ้มกันหรืออาจจะต้องใช้เวลานานในการกลับมาเป็นโรคเดิมซ้ำอีก ทั้งนี้ จำนวนประชากรในแต่ละกลุ่มสามารถแสดงออกมาได้ดังรูปที่ 2 [3] ดังนี้

รูปที่ 2 การคาดการณ์ (Simulation) ของประชากรในแต่ละกลุ่ม จากแบบจำลอง SIR
ที่มา: คำนวณโดยคณะผู้เขียน

[3] นรพัชร์ และกวิน (2564) การใช้แบบจำลองคณิตศาสตร์คาดการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19, ที่มา: https://thaipublica.org/2021/05/epidemic-sir-model/

จากรูปที่ 2 แสดงให้เห็นว่า ประชากรกลุ่มผู้ติดเชื้อ (I) จะค่อยๆ เพิ่มขึ้นถึงจุดสูงสุดประมาณ 200 คน แล้วจะค่อย ๆ ปรับลดลง โดยประชากรกลุ่ม S จะค่อยๆ ติดเชื้อกลายเป็นกลุ่ม I และทุกคนจะกลายเป็นกลุ่มหายป่วย (R) เมื่อเวลาผ่านไป อย่างไรก็ดี ระดับความรุนแรงของผู้ที่ติดเชื้อไวรัส COVID-19 ที่ต้องรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล จะมีความแตกต่างกันตามช่วงอายุ โดยผู้ที่มีอายุมากว่า 50 ปี มีโอกาสที่จะเจ็บป่วยหรือตายมากกว่าคนที่อายุน้อยกว่า รายละเอียดดังตารางที่ 1

กลุ่มอายุ (ปี)ผู้ติดเชื้อที่มีอาการป่วย (Symptomatic Cases) ที่ต้องรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล (ร้อยละ)ผู้ติดเชื้อที่รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล (Hospitalized Cases) ที่อยู่ในภาวะวิกฤต (ร้อยละ)อัตราป่วยตายต่อผู้ป่วยจาก COVID-19 (Infection Fatality Ratio) ทั้งหมด (ร้อยละ)
0-90.1%5.0%0.002%
10-190.3%5.0%0.006%
20-291.2%5.0%0.030%
30-393.2%5.0%0.080%
40-494.9%6.3%0.150%
50-5910.2%12.2%0.600%
60-6916.6%27.4%2.200%
70-7924.3%43.2%5.100%
80 ขึ้นไป27.3%70.9%9.300%
ตารางที่ 1 อัตราการการเจ็บป่วยของผู้ติดเชื้อ COVID-19 ที่ต้องรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล จำแนกตามอายุ
ที่มา: University of College London (UCL)

2.2 แบบจำลอง Agent Based Model

ระบบเศรษฐกิจพื้นฐาน (Simple Economy) ตามแบบจำลอง Agent Based Model นี้ ประกอบไปด้วยผู้กระทำ (Agents) 5 รูปแบบ ได้แก่ 1) ประชาชน (People) 2) ครัวเรือน (House) 3) ภาคธุรกิจ (Business) 4) รัฐบาล (Government) และ 5) หน่วยงานสาธารณสุข (Health Care System) โดย Agent 1 ประชาชน จะถูกกำหนดขึ้น (Initialized) และมีสถานที่ตั้ง (Location) ที่ห่างไปจาก Agent i เมื่อ i ϵ (2,3,4,5) โดยสถานที่ตั้งนี้จะขึ้นกับความสูง (Height) และความยาว (Length) ซึ่งจะมีการเปลี่ยนแปลงไปหลังจากมีการ Simulation ในหลาย ๆ ครั้ง และกำหนดให้มีการแจกแจงแบบ Uniform Distribution รายละเอียดดังสมการที่ 1

สมการ (1)

1) Agent หลัก ที่นำไปสู่ให้เกิดการแพร่ระบาด

Agent 1 ประชาชนถูกกำหนดโดยขนาดประชากร โดยในงานศึกษาชิ้นนี้กำหนดเริ่มต้นไว้ที่ 300 คน นอกจากนี้ยังจะต้องพิจารณารูปแบบการเคลื่อนไหวของ Agent 1 ประชาชน ในแต่ละชั่วโมง จะเกิดขึ้นทั้งในลักษณะการทำงาน (Work) การพักผ่อน (Rest) และเวลาว่าง (Leisure) และจะมีความสัมพันธ์กับ Agent อื่น ๆ ในระบบเศรษฐกิจ โดยสมมติให้ระยะทางระหว่าง Agent 1 ประชาชนกับ Agent อื่น (Ai) มีลักษณะการกระจายตัวแบบปกติ (Normal Distribution) โดยค่าเฉลี่ย μ=0 ตามสมการที่ 2 ดังนี้

สมการ (2)

เมื่อ I = Agent 2 3 4 และ 5
= ค่าความ Standard deviation ของระยะทางระหว่าง Agent

นอกจากนี้ คณะผู้เขียนได้กำหนดการเคลื่อนไหว (Mobility Pattern) ของ Agent 1 ประชาชน ในแต่ละครั้งจะมีปฏิสัมพันธ์กับ Agent อื่น ได้แก่ 1) การกลับบ้าน (Go Home) ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับ Agent 2 ครัวเรือน 2) ไปทำงาน (Go to Work) ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับ Agent 3 ภาคธุรกิจ 3) เดินทางได้อย่างอิสระ (Walk Freely) ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับ Agent 1 อื่น และ 4) หากมีการติดเชื้อ COVID-19 จะไปโรงพยาบาล (Go to Hospital) ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับ Agent 5 หน่วยงานสาธารณสุข รายละเอียดดังตารางที่ 2

เวลาเริ่มต้นเวลาสิ้นสุดกิจกรรมความสัมพันธ์ของผู้กระทำ
08พักผ่อนกลับบ้าน (Go Home)
812ทำงานไปทำงาน (Go to Work)
1214รับประทานอาหารกลางวันเดินทางได้อย่างอิสระ (Walk Freely)
1418ทำงานไปทำงาน (Go to Work)
180กิจกรรมนันทนาการเดินทางได้อย่างอิสระ (Walk Freely)
ตารางที่ 2 การเคลื่อนไหวของ Agent 1 ประชาชน (Mobility Pattern)
หมายเหตุ: หาก Agent 1 ประชาชน เป็นกลุ่มผู้ไม่มีที่อยู่อาศัย (Homeless) หรือกลุ่มผู้ว่างงาน (Unemployed) จะกำหนดพฤติกรรมของกลุ่มดังกล่าวเป็นการเดินทางอย่างอิสระ (Walk Freely)

การเคลื่อนไหวของ Agent 1 ประชาชน ก่อให้เกิดโอกาสในการแพร่เชื้อ COVID-19 ไปยัง Agent 1 ประชาชนอื่น โดยงานศึกษาชิ้นนี้ได้สมมติให้ ค่าความยาว (Length) และความสูง (Height) เริ่มต้นคือ 300 เมตร และกำหนดให้แต่ละ Agent 1 ประชาชนมีสถานะที่แตกต่างกัน เช่น 1) ผู้มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ (Susceptible) 2) ผู้ที่ติดเชื้อ (Infectious) และ 3) ผู้ที่หายจากการติดเชื้อ (Recovered) ดังแสดงในรูปที่ 3

รูปที่ 3 สถานะการติดเชื้อของประชาชน
หมายเหตุ: สีดำ หมายถึง ผู้มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ (Susceptible)
สีแดง หมายถึง ผู้ที่ติดเชื้อ (Infectious )
สีฟ้า หมายถึง ผู้ที่หายจากการติดเชื้อ (Recovered )

การเคลื่อนที่เดินทางของแต่ละ Agent 1 ประชาชน สมมติให้เกิดขึ้นแบบสุ่ม (Random) และจะหยุดต่อเมื่อ Agent 1 ประชาชน ได้เสียชีวิตจาก COVID-19 แต่หากยิ่งอยู่ใกล้กันมากเท่าไรก็มีโอกาสที่จะติดเชื้อ COVID-19 ได้มากขึ้นเท่านั้น ซึ่งสามารถคำนวณระยะทางระหว่าง Agent แบบ Euclidean Distance ได้ดังนี้

สมการ (3)

เมื่อ X = ความยาวของตำแหน่ง Agent x ~ 𝓤 (0 , length)
Y = ความสูงของตำแหน่ง Agent y ~ 𝓤 (0 , height)

โจทย์สำคัญหนึ่งของงานชิ้นนี้ คือ ผลกระทบของโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 ที่มีต่อเศรษฐกิจและสังคม ดังนั้น เมื่อจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น ย่อมส่งผลกระทบไปยังรายได้ของผู้ติดเชื้อและประชาชน ซึ่งมีความแตกต่างกันไปตามระดับรายได้ โดยสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้จำแนกตามกลุ่มประชากรตามระดับรายได้ (Quintile by income) ประจำปี 2562 รายละเอียด ดังตารางที่ 3

กลุ่มประชากรตามระดับรายได้ (Quintile by Income)สัดส่วนรายได้ของประชากร (ร้อยละ)สัดส่วนรายได้ของประชากรสะสม (ร้อยละ)
กลุ่ม 20% ที่ 1 (จนที่สุด)5.5%5.5%
กลุ่ม 20% ที่ 29.6%15.1%
กลุ่ม 20% ที่ 314.3%29.4%
กลุ่ม 20% ที่ 421.6%51.0%
กลุ่ม 20% ที่ 5 (รวยที่สุด)49.0%100.0%
ตารางที่ 3 รายได้ของประชากร จำแนกตามกลุ่มประชากรตามระดับรายได้ ประจำปี 2562
ที่มา: สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ

2) Agent อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

Agent อื่น ๆ ประกอบไปด้วย Agent 2 ครัวเรือน (House)คำนวณจากสัดส่วนระหว่างประชากร (Population Size) และขนาดของครอบครัว (Family Size) โดยค่าเริ่มต้นกำหนดให้ประชากรเท่ากับ 300 คน และ ขนาดครอบครัวจำนวน 3 คน และ Agent 3 ภาคธุรกิจ (Business)กำหนดให้มี 9 แห่ง แต่ละแห่งมีระยะทางห่างกัน 20 เมตร ในขณะที่ Agent 4 รัฐบาล (Government) และ Agent 5 หน่วยงานระดับสาธารณสุข (Health Care System) กำหนดให้มี 1 แห่ง หรือเรียกว่า Singleton เพื่อประหยัดหน่วยความจำ (Memory) ในการ Simulation ทั้งนี้สามารถสรุปตัวแปร (Parameter) ได้ดังตารางที่ 4 ดังนี้

ตัวแปร (Parameter)ค่าตัวแปร (Value)
ตัวแปรภายนอก (Global Parameter)
ความกว้าง (Length)300 เมตร
ความสูง (Height)300 เมตร
ตัวแปรด้านประชากร (Demographic Parameter)
ขนาดประชากรกลุ่มตัวอย่าง (Population Size)300 คน
สมาชิกในครอบครัว (Family Size)3 คนต่อ 1 ครอบครัว
สัดส่วนของผู้ที่ไม่มีที่อยู่อาศัย (Homeless) ต่อประชากร0.0005%
Amplitude ของกลุ่มผู้มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ (Susceptible) กลุ่มผู้ที่ติดเชื้อ (Infectious) และ กลุ่มผู้ที่หายจากการติดเชื้อ (Recovered)10 เมตร
ตัวแปรด้านการระบาด (Epidemiological Parameter)
สัดส่วนของเตียงในห้อง ICU ต่อจำนวนประชากร (Critical Limit)0.01%
ค่าเฉลี่ยของอัตราส่วนการติดเชื้อในขั้นต้น (Basic Reproduction Ratio)1.2
ระยะเวลาในการฟักตัว (Incubation Time)5 วัน
ระยะเวลาในการแพร่เชื้อ (Contagion Time)10 วัน
ระยะเวลชาในการฟื้นตัว (Recovering Time)20 วัน
ตัวแปรด้านเศรษฐกิจ (Economic Parameter)
ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP)10 ล้านบาท
จำนวนธุรกิจ (Total Business)9 แห่ง
รายได้ขั้นต่ำ (Minimum Income)900 บาท
รายจ่ายขั้นต่ำ (Minimum Expense)600 บาท
ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (Personal Income Taxes)10%
ภาษีเงินได้นิติบุคคล (Corporate Income Tax)20%
สัดส่วนรายจ่ายภาครัฐต่อ GDP  (Public Expenditure to GDP)20%
สัดส่วนภาคธุรกิจต่อ GDP  (Business to GDP)50%
ตารางที่ 4 สรุปค่าตัวแปร (Parameter) ที่ใช้ในการจำลองสถานการณ์ (Simulation)
ที่มา: ปรับปรุงจาก Silva และคณะ (2020)

2.3 ความสัมพันธ์ของของผู้กระทำ (Actions) ในระบบเศรษฐกิจ

แต่ละ Agent ย่อมมีความสัมพันธ์ที่แตกต่างกัน สรุปได้ 3 ประเภท รายละเอียดตามรูปที่ 4 ดังนี้

รูปที่ 4 รูปแบบความสัมพันธ์ของผู้กระทำ (Actions) ในระบบเศรษฐกิจ
ที่มา: จัดทำโดยคณะผู้เขียน
  1. ความสัมพันธ์ด้านการติดต่อธุรกิจ (Business Contact) คือ การแลกเปลี่ยนความมั่งคั่งระหว่าง Agent 1 ประชาชน และ Agent 3 ภาคธุรกิจ โดย Agent 1 เมื่อมีเวลาว่าง (Free Time) ก็จะไปซื้อสินค้าและบริการของ Agent 3 ภาคธุรกิจเป็นรายวัน โดยในช่วงของการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในเกือบทุกกรณี สินค้าบางอย่าง เช่น อาหารสดและยารักษาโรค ไม่สามารถซื้อได้ทางออนไลน์ได้ ทั้งนี้ รายได้ของ Agent 3 ภาคธุรกิจจะมากขึ้นหรือน้อย นอกจากจะขึ้นกับการเดินทางและการใช้จ่ายเงินซื้อสินค้าและบริการของ Agent 1 ประชาชนแล้ว ยังขึ้นกับระดับของรายได้ (Social Stratum) ของ Agent 1 ประชาชนอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ในแต่ละวัน ความมั่งคั่งของ Agent 2 ครัวเรือน และ Agent 3 ภาคธุรกิจ จะมีลดลงในสัดส่วนคงที่ (Fixed Expenses) โดยอยู่ในรูปแบบค่าใช้จ่ายของครัวเรือนและค่าใช้จ่ายพนักงาน ตามลำดับ
  2. ความสัมพันธ์ด้านการบัญชี (Accounting) คือ การทำธุรกรรมระหว่างAgent 2 ครัวเรือน  Agent 3 ภาคธุรกิจ และ Agent 4 รัฐบาล โดยในแต่ละเดือน Agent 2 ครัวเรือน  และ Agent 3 ภาคธุรกิจ จะชำระภาษีเป็นประจำทุกเดือนให้แก่ Agent 4 รัฐบาล ซึ่งเป็นแหล่งรายได้ที่รัฐบาลจะนำไปใช้ในการจัดหาบริการสาธารณะให้แก่ประชาชน นอกจากนี้ Agent 3 ภาคธุรกิจ ยังจ่ายเงินเดือนและค่าจ้างให้แก่ Agent 1 ประชาชน เช่นเดียวกันกับ Agent 2 ครัวเรือน จะนำเงินไปซื้อสินค้าและบริการของ Agent 3 ภาคธุรกิจ
  3. ความสัมพันธ์ด้านการบัญชีของรัฐบาล (Accounting of Government) คือ ธุรกรรมที่ Agent 4 รัฐบาล จัดสรรเงินโอนให้แก่ Agent 5 ระบบสาธารณสุข รายเดือนเป็นจำนวนคงที่ (Fixed Expenses) และรายวันผันแปรตามจำนวนผู้ป่วยที่ต้องรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ในขณะเดียวกัน Agent 4 รัฐบาล ก็จัดสรรเงินช่วยเหลือให้กับผู้ที่ว่างงาน (Unemployed) และผู้ที่ไม่มีที่อยู่อาศัย (Homeless)

3. ผลการศึกษา

3.1 การเปรียบเทียบผลกระทบ COVID-19 ในแต่ละกรณี (Scenario)

ข้อสมมติของแบบจำลอง ABM คือ ในระหว่างการแพร่ระบาดของ COVID-19 มาตรการที่รัฐบาลใช้ควบคุมการแพร่ระบาด จะทำให้ Agent 1 ประชาชนไม่สามารถเดินทางไปซื้อสินค้าและบริการของ Agent 2 ภาคธุรกิจได้ แต่ยังคงได้รับเงินเดือนเต็มและไม่มีการเลิกจ้างจาก Agent 2 ภาคธุรกิจ รวมทั้งยังเสียภาษีให้กับรัฐบาลด้วย ในขณะที่ Agent 2 ภาคธุรกิจ ได้รับผลกระทบจากยอดขายที่ลดลง แต่ยังต้องเสียภาษีให้แก่รัฐบาล โดยรัฐบาลก็จะได้รับภาษีจากภาคธุรกิจที่ลดลงเช่นกัน และต้องจัดสรรงบประมาณเพื่อดูแลประชาชนที่ติดเชื้อ COVID-19 เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน ทั้งนี้ การวิเคราะห์สามารถแบ่งเป็น 7 กรณี ได้แก่ 1) รัฐบาลไม่ดำเนินมาตรการควบคุมการระบาด 2) มาตรการ Full Lockdown 3) มาตรการ Conditional Lockdown 4) มาตรการ Vertical Isolation 5) มาตรการ Partial Isolation 6) มาตรการสวมหน้ากากทุกคน และ 7) มาตรการสวมหน้ากากทุกคนและประชาชนร้อยละ 50 กักตัวอยู่บ้าน ผลการศึกษา พบว่า กรณีที่ 2 และกรณีที่ 3 ช่วยให้อัตราการติดเชื้อ จำนวนวันที่ติดเชื้อ และอัตราการตาย น้อยกว่ากรณีอื่น ๆ ซึ่งเป็นเสมือน Best Practice ด้านสาธารณสุข รายละเอียดดังรูปที่ 5 อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาผลกระทบทางเศรษฐกิจ ในรูปที่ 6 จะเห็นได้ว่า กรณีที่ 2 และกรณีที่ 3 ประชาชนจะไม่ได้รับผลกระทบ แต่เกิดผลไปยังภาคธุรกิจจำนวนมาก ในส่วนของรัฐบาล กรณีที่ 1และกรณีที่ 4 เกิดต้นทุนกับรัฐบาลที่ใช้เป็นค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยมากกว่ากรณีอื่น ดังนั้น หากเปรียบเทียบ 2 กรณีที่ให้ผลลัพธ์ดีกว่ากรณีอื่น ได้แก่ กรณีที่ 3 และกรณีที่ 6 เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจมากกว่ากรณีอื่น ๆ แต่อาจมีข้อดีข้อด้อยที่แตกต่างกัน กล่าวคือ กรณีที่ 3 มีการควบคุมการเดินทางบางส่วนทำให้การติดเชื้อชะลอลงและทำงานลดลงในขณะที่ยังมีรายได้เท่าเดิมทำให้ภาคธุรกิจได้รับผลกระทบ แต่กรณีที่ 6 เศรษฐกิจยังดำเนินต่อไปได้แต่ควบคุมผู้ติดเชื้อได้น้อยกว่าทำให้เป็นภาระการรักษาของภาครัฐมากขึ้น เป็นต้น

รูปที่ 5 อัตราการติดเชื้อ จำนวนวันที่ติดเชื้อ และอัตราการตาย
ที่มา: คำนวณโดยคณะผู้เขียน

รูปที่ 6 ผลกระทบทางเศรษฐกิจของกลุ่มประชาชน ภาคธุรกิจ และรัฐบาล
ที่มา: คำนวณโดยคณะผู้เขียน

4. บทสรุป

การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในประเทศต่าง ๆ อย่างมาก แต่แบบจำลองเศรษฐกิจมหภาคแบบดั่งเดิมจะใช้ประเมินผลกระทบในภาพรวม (Macroeconomic Level) อาจไม่สามารถวิเคราะห์ผลกระทบในระดับจุลภาคได้ (Microeconomic Level) ดังนั้น คณะผู้เขียนจึงได้พัฒนาแบบจำลองการระบาด Susceptible, Infectious, Recovered (SIR) ขึ้นเพื่อคาดการณ์จำนวนผู้ติดเชื้อ และแบบจำลอง Agent-Based Modeling (ABM) ซึ่งใช้จำลองสถานการณ์และวิเคราะห์ปฏิสัมพันธ์ระหว่าง Agent ในระบบเศรษฐกิจเชิงจุลภาค (Micro Simulation Modelling) เพื่อประโยชน์ในการจัดทำนโยบายแบบมีกลุ่มเป้าหมาย (Targeted Policy) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากสามารถแยกวิเคราะห์ผลต่อแต่ละกลุ่ม Agent ได้ อาทิ ประชาชนจำแนกตามระดับรายได้ ครัวเรือน ภาคธุรกิจ และรัฐบาล โดยสามารถแบ่งการวิเคราะห์เป็น 7 กรณี ได้แก่ 1) รัฐบาลไม่ดำเนินมาตรการควบคุมการระบาด 2) มาตรการ Full Lockdown 3) มาตรการ Conditional Lockdown 4) มาตรการ Vertical Isolation 5) มาตรการ Partial Isolation 6) มาตรการสวมหน้ากากทุกคน และ 7) มาตรการสวมหน้ากากทุกคนและประชาชนร้อยละ 50 กักตัวอยู่บ้าน ผลการศึกษา พบว่า กรณีที่ 3 และ กรณีที่ 6 เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจมากกว่ากรณีอื่น ๆ แต่อาจมีข้อดีข้อด้อยที่แตกต่างกัน กล่าวคือ กรณีที่ 3 มีการควบคุมการเดินทางบางส่วนทำให้การติดเชื้อชะลอลงและทำงานลดลงในขณะที่ยังมีรายได้เท่าเดิมทำให้ภาคธุรกิจได้รับผลกระทบ แต่กรณีที่ 6 เศรษฐกิจยังดำเนินต่อไปได้แต่ควบคุมผู้ติดเชื้อได้น้อยกว่าทำให้เป็นภาระการรักษาของภาครัฐมากขึ้น เป็นต้น

คลายล็อก หนี้เสียบัตร คลินิกแก้หนี้ by SAM
ดร.นรพัชร์ อัศววัลลภ

ดร.นรพัชร์ อัศววัลลภ
ผู้อำนวยการส่วนนวัตกรรมข้อมูลเศรษฐกิจและงานวิจัย
สำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค
ผู้เขียน

ดร.กวิน เอี่ยมตระกูล

ดร.กวิน เอี่ยมตระกูล
เศรษฐกรชำนาญการ
ส่วนนวัตกรรมข้อมูลเศรษฐกิจและงานวิจัย
สำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค
ผู้เขียน

กุสุมา จารุณี

นางสาวกุสุมา จารุมณี
เจ้าพนักงานธุรการปฏิบัติงาน
สำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค
ผู้เขียน